ระเบียบสมาคมฯ ข้อบังคับชมรมไทยบริการท่องเที่ยว
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 26 (3) ของข้อบังคับของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี วันที่ 28 เมษายน 2558 จึงวางระเบียบไว้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ข้อ 1. ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ว่าด้วยข้อบังคับชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2558”
ข้อ 2. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3. การจัดตั้งชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคในพื้นที่ใด จะต้องมีสมาชิกประเภทสามัญของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 10 ราย และมีผู้ประกอบการที่มีภูมิลำเนาในส่วนภูมิภาคไม่น้อยกว่า 10 ราย รวมตัวกันเสนอให้คณะกรรมการบริหารสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว พิจารณาประกาศจัดตั้ง “ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค” ขึ้น
ข้อ 4. สมาชิกของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และคณะกรรมการบริหารชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคอนุมัติรับเข้าเป็นสมาชิก
- สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และคณะกรรมการบริหารชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคอนุมัติรับเข้าเป็นสมาชิก หรือสมาชิกของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
- สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคเชิญเข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ และคณะกรรมการบริหารชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคอนุมัติรับเข้าเป็นสมาชิก
ข้อ 5. ผู้ที่จะเข้าเป็นสมาชิกของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ก. กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
- ไม่เคยเป็นบุคคลที่เคยต้องโทษจำคุกพิพากษาถึงที่สุดของศาลมาก่อน เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่มีกำหนดโทษขั้นลหุโทษ หรือความผิดซึ่งกระทำโดยประมาท
- ไม่เป็นโรคอันพึงรังเกียจแก่สังคม
- เป็นผู้มีหลักฐานมั่นคง
- เป็นผู้มีความประพฤติดี
ข. กรณีเป็นนิติบุคคล
- มีสัญชาติไทย ยกเว้นสมาชิกประเภทวิสามัญ
- มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท (สองแสนบาท)
- ให้นำความในข้อ 5 ก. มาบังคับแก่คุณสมบัติของผู้แทนนิติบุคคลด้วย
ข้อ 6. การสมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ให้ผู้สมัครยื่นความจำนงต่อเลขานุการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ตามแบบพิมพ์ที่ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคกำหนด โดยมีสมาชิกสามัญของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค หรือสมาชิกสามัญของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เป็นผู้รับรองอย่างน้อย 2 คน
ข้อ 7. การขาดจากสมาชิกภาพของสมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลง ในกรณีดังต่อไปนี้
- ตาย หรือสิ้นสภาพนิติบุคคล
- ขาดคุณสมบัติตามข้อ 4.1 หรือ 4.2 แล้วแต่กรณี
- ลาออก โดยที่ยื่นหนังสือลาออกต่อคณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- คณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนสมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค โดยคะแนนเสียงข้างมาก ด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้
- เจตนากระทำการใดๆ ที่ทำให้ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค หรือสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวเสื่อมเสียชื่อเสียง
- เจตนาละเมิดข้อบังคับของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค หรือสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
- ขาดส่งเงินค่าบำรุงชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค เกินกว่า 3 เดือน
ข้อ 8. สมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ต้องชำระค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงประจำปีดังนี้
สมาชิกสามัญ ค่าลงทะเบียนแรกเข้า 1,000 บาท
ค่าบำรุงประจำปี 2,000 บาท
สมาชิกวิสามัญ ค่าลงทะเบียนแรกเข้า 1,000 บาท
ค่าบำรุงประจำปี 2,000 บาท
สมาชิกกิตติมศักดิ์ และสมาชิกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ไม่ต้องชำระค่าลงทะเบียน หรือค่าบำรุงอย่างใดทั้งสิ้น
ข้อ 9. คณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
ในการบริหารงานชองชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคนั้น ให้มีคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งซึ่งมีที่มา มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของสมาชิกสามัญชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค โดยที่สมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสูงสุด และคณะกรรมการบริหารสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวรับรอง ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
การเลือกตั้งประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ให้กระทำโดยวิธีให้สมาชิกสามัญของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค เสนอชื่อสมาชิกสามัญชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ซึ่งประสงค์จะให้เข้ารับเลือกเป็นประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคต่อที่ประชุม โดยมีสมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาครับรองไม่น้อยกว่า 10 คน แล้วให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติเลือกตั้งผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดดำรงตำแหน่งประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ถ้ามีผู้ที่ได้คะแนนเท่ากัน ให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติใหม่เฉพาะผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเท่ากัน หากปรากฏว่ายังได้คะแนนเท่ากันอีก ก็ให้ใช้วิธีจับฉลาก
ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคจะต้องเป็นสมาชิกสามัญของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
ให้ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค แต่งตั้งรองประธาน เลขานุการ เหรัญญิก นายทะเบียน ประชาสัมพันธ์ ปฏิคม และกรรมการ อีกไม่เกิน 3 คน เป็นคณะกรรมการบริหารชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
คณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคจะอยู่ในตำแหน่งวาระละ 2 ปี
ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคจะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
ข้อ 10. การพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค คณะกรรมการของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคย่อมพ้นจากตำแหน่งคณะกรรมการ ในกรณีดังต่อไปนี้
- ครบกำหนดออกตามวาระ
- ลาออก โดยได้ยื่นหนังสือลาออกต่อคณะกรรมการของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค หรือต่อคณะกรรมการของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
- พ้นจากการเป็นผู้แทนนิติบุคคลของสมาชิกสามัญชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- ขาดจากสมาชิกภาพของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- ที่ประชุมใหญ่ของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคมีมติให้ถอดถอนจากการเป็นกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- เมื่อประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคพ้นจากตำแหน่ง ให้คณะกรรมการทุกตำแหน่งพ้นตำแหน่งตามไปด้วยทั้งคณะ
- ขาดคุณสมบัติ ตามข้อ 7. ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งยังคงทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าจะได้มีการส่งมอบงานให้กับคณะกรรมการบริหารชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคชุดใหม่ ทั้งนี้คณะกรรมการชุดเก่าต้องส่งมอบงานให้คณะกรรมการบริหารชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคชุดใหม่ ที่ได้รับเลือก ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง
ข้อ 11. ให้คณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค จัดการประชุมกรรมการขึ้นอย่างน้อยสามเดือนครั้ง
มติที่ประชุมคณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานที่ประชุมออกเสียงชี้ขาด
ข้อ 12. คณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบของชมรม และจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับนโยบายของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
ข้อ 13. ให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ปีละ 1 ครั้ง ภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันสิ้นปีการบัญชี โดยให้ถือเอาวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิ้นปีการบัญชีของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
ข้อ 14. ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค จะต้องรายงานผลการดำเนินการของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ต่อคณะกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ทุกไตรมาส และส่งงบการเงินประจำปีของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ให้แก่สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ทุกปี ภายใน 90 วันนับแต่วันครบรอบปีบัญชีของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
ข้อ 15. ให้ประธานชมรมหรือกรรมการชมรมที่ประธานมอบหมายให้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ตามที่ได้รับเชิญ โดยสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เบิกจ่ายค่าเดินทาง และที่พักแบบเหมาจ่ายครั้งละ 5,000 บาท หรือตามอัตราที่คณะกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวจะกำหนดขึ้น
ข้อ 16. ให้ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคเป็นกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวโดยตำแหน่ง
ข้อ 17. สิทธิประโยชน์สมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- สมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคมีสิทธิได้ร่วมทำกิจกรรมที่ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคได้กำหนดขึ้น
- สมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคมีสิทธิได้ร่วมกิจกรรมของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
- ใช้ตราของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
ข้อ 18. การเงินและการบัญชีของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- ให้เหรัญญิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ทำหน้าที่ในการดูแลรักษาเงิน และบัญชีของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- ให้เหรัญญิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ทำหน้าที่ในการส่งมอบเงินรายได้จากค่าลงทะเบียนสมาชิกแรกเข้า ค่าบำรุงประจำปี ให้แก่สมาคมภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเงิน
- การเบิกจ่ายเงินของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค กระทำได้โดยการอนุมัติของประธานชมรมร่วมกับเหรัญญิกชมรม
- เงินสดของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคจะต้องนำฝากไว้ ณ ธนาคารพาณิชย์ในนามของประธาน เหรัญญิก และเลขานุการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค โดยความเห็นชอบของกรรมการไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค ซึ่งมีเงื่อนไขในการเบิกถอนเงินจากบัญชี คือให้กรรมการชมรมดังกล่าวข้างต้น จำนวน 2 ใน 3 เป็นผู้มีอำนาจในการลงนามเบิกถอนเงินออกจากบัญชีได้
ข้อ 19. เงินอุดหนุนชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค สมาคมไทยบริการท่องเที่ยวจะให้เงินอุดหนุนแก่ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคได้โดยมติของกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนเงินอุดหนุนที่อนุมัติทั้งปีรวมแล้วจะต้องไม่เกิน 2 เท่าของรายได้รวมจากค่าบำรุงประจำปีของสมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคในปีนั้นๆ โดยกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคจะต้องเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวก่อนการเบิกจ่ายเงินอุดหนุน
ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค อาจขอความสนับสนุนเงินงบประมาณพิเศษนอกเหนือจากเงินอุดหนุนตามวรรคหนึ่ง จากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวได้ โดยจะต้องนำเสนอโครงการต่อสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวล่วงหน้าก่อนวันเบิกจ่ายเงินไม่น้อยกว่า 30 วัน การพิจารณาโครงการและงบประมาณดังกล่าวถือเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวโดยเด็ดขาด
ข้อ 20. การสิ้นสุดของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- ที่ประชุมใหญ่สมาชิกสามัญของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคนั้นได้มีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ให้ยุบชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- คณะกรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว มีมติให้ยุบชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ หากชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคสิ้นสุดลงเมื่อใด ให้คณะกรรมการชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคในขณะนั้น ส่งมอบทรัพย์สินของชมรมไทยบริการท่องเที่ยว ในส่วนที่อยู่ในความครอบครองดูแลของชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค กลับคืนให้แก่สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวสิ้นสุดลง
ข้อ 21. ระเบียบนี้จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
ข้อ 22. นอกจากที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้นำข้อบังคับของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวมาบังคับใช้โดยอนุโลม