">

TTAA ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว หารือแนวทางแก้ไขปัญหาความเชื่อมั่นต่อธุรกิจทัวร์

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว พร้อมด้วยคณะกรรมการ เข้าพบเพื่อร่วมหารือกับ นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง นางสาวอุบลวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และข้าราชการกรมการท่องเที่ยว เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาธุรกิจท่องเที่ยวในภาวะปัจจุบัน ณ ห้องประชุม 5 ชั้น 2 กรมการท่องเที่ยว

โดยสรุปประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
1.ที่ประชุมได้ยกเรื่องปัญหาความเชื่อมั่นต่อธุรกิจท่องเที่ยวขึ้นหารือ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา เกิดการฉ้อโกงขึ้นหลายกรณี ทั้งกรณีเอเย่นต์ทัวร์ (Retail) กับ ผู้บริโภค หรือ Wholesale กับ เอเย่นต์ทัวร์ (Retail) ซึ่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยวให้ข้อมูลว่า พรบ.การท่องเที่ยวฉบับปี 2559 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด ดูแลครอบคลุมถึงแค่ผู้บริโภค เมื่อเกิดเหตุฉ้อโกงขึ้น ความรับผิดชอบนั้นจึงตกอยู่ที่เอเย่นต์ทัวร์ที่เป็น Retail โดยตรงแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งนับว่าไม่เป็นธรรม ทางกรมจึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงพรบ.ให้ทันสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะมีการกำหนดคุณสมบัติ และความรับผิดชอบให้ครอบคลุมถึง Wholesale ด้วย

2.ส่วนในประเด็น การจัดการในเชิงรุกสำหรับบริษัทผู้กระทำผิด
นอกจากถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ทางกรมมีนโยบายดำเนินการต่อเนื่อง ทำการสืบค้นเพื่อเพิกถอนใบอนุญาต ในกรณีที่ยังไปเปิดบริษัทและจดทะเบียนดำเนินกิจการต่อโดยกรรมการหรือกลุ่มคนชุดเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้กระทำผิดซ้ำ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีก หรือกรณีสมาชิกสมาคมพบเห็นพฤติกรรมอันน่าสงสัยของบริษัทท่องเที่ยวบางแห่ง สามารถแจ้งข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของกรมการท่องเที่ยว หรือสามารถประสานมาทางสมาคม ซึ่งสมาคมจะส่งต่อเรื่องมายังอธิบดีได้โดยตรง

3.ประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีการหารือถึงคุณสมบัติของบริษัทที่จะเปิดดำเนินการใหม่ ทั้งในด้านการเพิ่มยอดเงินค้ำประกันให้สูงขึ้น เพื่อเป็นการคัดกรองผู้ที่สนใจทำธุรกิจท่องเที่ยวอย่างจริงจังมีความพร้อมในด้านการเงินพอสมควร เนื่องจากยอดค้ำประกันปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าต่ำมาก (60,000 บาทสำหรับ Outbound) หรือผู้ที่ต้องการเปิดและจดทะเบียนใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว จำเป็นต้องเป็นสมาชิกของสมาคมที่ได้รับการยอมรับจากกรมการท่องเที่ยว อย่างน้อย 1 สมาคม โดยสมาคมจะนำระบบ Peer-to-peer review มาใช้ โดยการสร้างระบบขั้นตอนตรวจสอบสมาชิกของสมาคม นับเป็นการคัดกรองจากผู้ที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวด้วยกัน ที่จะเห็นพฤติกรรมอันน่าสงสัยได้รวดเร็ว สามารถแจ้งความผิดปกติไปยังกรมเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะเกิดความเสียหายในวงกว้างดังเช่นที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ในเรื่องการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทท่องเที่ยวในประเด็นดังกล่าว จะต้องมีการนำมาพูดคุยถึงวิธีการอันหมาะสมในโอกาสต่อไป

โดยสรุป การร่วมหารือระหว่างสมาคม และกรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้ ทางกรมพร้อมรับฟังข้อมูลจากสมาคมที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงในธุรกิจ ในการเสนอแนะแนวทางแก้ไขร่วมกับทางกรม และจะเร่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกรมการท่องเที่ยวและสมาคม เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทาง นโยบาย รวมถึงส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นในการปรับปรุงแก้ไข พัฒนา และทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด แก่ภาพรวมการท่องเที่ยวในสถานการณ์ปัจจุบัน